6 ธ.ค. 2551


วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551
Saturday 6 December 2008

เช้านี้ตื่นขึ้นมาประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เห็นน้องสาวหลับแบบเหนื่อยๆ เห็นว่าอาการน้องไม่ค่อยดีแล้ว ยิ่งได้รับรู้จากน้องชายว่า เมื่อวาน พยาบาลมีเข้ามาเร่งยานอนหลับ Domicum จึงรีบออกไปเรียกพยาบาล วันนี้น้องชายสองคนไม่ได้พูดเรื่องกลับไปนอนกันเลย นั่งดูน้องตลอด และเราเห็นเท้าน้องเย็นผิดปกติ เรากับน้องสาวอีกคนจึงไปเอาน้ำร้อนมาเช็ดเท้าให้น้องตลอดเวลา

น้องชายคนหนึ่งเล่าให้เราว่า เมื่อคืนน้องสาวตามพยาบาลมาช่วยเช็ดตัวบ้าง ช่วยดูดเสมหะบ้าง พอครั้งที่ 3 พยาบาลอาจจะรำคาญ เลยมาเร่งยานอนหลับ Domicum จากปกติ 5cc ต่อชั่วโมง ไปเป็น 7cc ต่อ ชั่วโมง และเมื่อน้องชายถามไปว่า ทำอย่างนี้ไม่เป็นไรเหรอ มันจะแรงเกินไปไหม พยาบาลก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้เขาได้หลับสบายๆบ้าง ไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว ซึ่งน้องชายก็เห็นว่าน่าจะให้น้องได้หลับบ้าง บวกกับความเกรงใจพยาบาล และคิดว่า พยาบาลไม่น่าจะทำอะไรมั่วๆ ก็เลยยอมให้ทำไป การเพิ่มยาตัวนี้เริ่มตั้งแต่ประมาณตี 3 ยาวไปจนถึงประมาณ 7:30 ซึ่งเป็นเวลาเปลี่ยนเวรพยาบาล และพยาบาลคนใหม่เข้ามา พยาบาลคนใหม่นี้ก็กดลดยาตัวนั้นลงเหลือ 5cc ตามปกติ ไม่นานนัก แพทย์คีโมก็แวะเข้ามาเยี่ยมแต่เช้าก่อนที่เราจะตื่น

วันนี้ความดันของน้องเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ แพทย์หัวใจให้จุดสังเกตว่า ถ้าความดันต่ำผิดปกติให้เตรียมใจ หรือถ้าหัวใจเต้นน้อยลงก็ให้เตรียมใจเช่นกัน แต่เช้านี้ดูน้องเหนื่อยที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา

ในช่วงที่เรากับน้องสาวเช็ดเท้าให้น้องอยู่ น้องชายนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้น้อง ประมาณสิบโมงกว่า เราเห็นความดันน้องต่ำลงเรื่อยๆ เราจึงไปบอกให้หัวหน้าพยาบาลหยุดยานอนหลับ Domicum ได้แล้ว และถามว่ามีทางที่จะให้ความดันน้องขึ้นมาดีกว่านี้อีกนิดหรือไม่ หัวหน้าพยาบาลบอกมี แต่จะต้องขอแจ้งแพทย์ก่อน

ในช่วงที่เราเปลี่ยนยากันนั้น พวกเราถามน้องสาวว่าเจ็บหรือปวดหรือทรมานหายใจไม่ออกหรือไม่ น้องสาวส่ายหน้า ไม่นานนักญาติๆ ทั้งครอบครัวก็มาอยู่ที่ห้องพักฟื้นของน้อง เรียกว่ามากันทั้งครอบครัวใหญ่สามสิบกว่าคนเดินเข้าเดินออก ลูกพี่ลูกน้องทุกคนต่างก็ช่วยกันสวดมนต์ให้อยู่ข้างๆ เตียง บางคนก็มาช่วยกันเช็ดเท้า เช็ดขาให้น้องสาว

น้องสาวยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำตั้งแต่เช้านี้ และเมื่อน้องสาวอยากจะพูดก็ไม่สามารถเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้ เพราะกลัวว่าน้องจะไม่ไหว ทุกคนจึงช่วยกันส่งปากกาเผื่อน้องจะสื่อออกมาได้ น้องเขียนไม่ไหว น้องอีกคนก็ยื่นกระดาษที่เขียน A ถึง Z ให้จิ้มดูว่าจะพูดว่าอะไร น้องก็ไม่จิ้ม น้องชายอีกคนก็ยื่นคอมพิวเตอร์ให้จิ้มแทน แต่น้องสาวก็ไม่สามารถสื่ออะไรออกมาได้

เนื่องจากทุกคนหวังว่าน้องสาวจะผ่านพ้นตรงจุดนี้ไปได้ พวกเราจึงให้น้องพักก่อนและเดี๋ยวค่อยพูดกันก็ได้ ความดันน้องตกลงเรื่อย แต่ที่แย่คือจังหวะของหัวใจของน้องสาวที่ปกติเต้นอยู่ที่ 120 – 130 เริ่มต่ำลงมาเรื่อยๆ จนตกเหลือเพียง 80 ซึ่งขณะนั้นข้างเตียงน้องสาวเป็นคุณพ่อ คุณแม่ พี่น้องทุกๆ คนอยู่กันตลอดรอบขอบเตียง จู่ๆ แพทย์คีโมเดินเข้ามาเรียกให้คุณพ่อออกไป แต่เป็นเพราะเราเริ่มไม่พอใจ จึงไม่ยอมให้คุณพ่อออกไป เราบอกเพียงว่าห้ามออกไป ให้คุณพ่ออยู่ข้างๆ น้อง ดังนั้นน้องชายและญาติคนอื่นจึงออกไปแทน และภายหลังน้องชายมาเล่าให้ฟังว่า ที่เรียกออกไปเพื่อที่จะบอกว่าน้องสาวไม่รอดแล้ว แค่นั้นเอง แพทย์คีโมไม่มีจรรยาบรรณหรือไร้การใช้วิจารณญาณที่ทุกๆ คนพอจะทราบแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น จึงหน่วงเหนี่ยวที่จะใช้ช่วงวินาทีสุดท้ายที่มีค่าที่สุดกับน้องสาวให้มากที่สุด

การเต้นหัวใจของน้องเต้นผิดปกติ ความดันก็ต่ำลงเรื่อยๆ แต่น้องชายคอยยืนพูดให้กำลังน้องอยู่ข้างๆ ตลอดตั้งแต่สิบโมงกว่า มีบางช่วงการเต้นของหัวใจก็ดีขึ้นมาบ้างหลังจากที่น้องชายพยายามพูดเรียกน้องสาว ทุกคนอยู่เป็นกำลังใจให้น้องสาวกันจนวินาทีสุดท้าย น้องสาวอีกคนบอกเราที่จับบริเวณเข่าและเท้าน้องเพื่อไม่ให้น้องเท้าเย็นว่ามือของน้องสาวซีดจนไม่เห็นเส้นเลือดเลย ทางด้านเครื่องวัดความดัน/ชีพจร/ออกซิเจนในเลือดนั้น เราใช้เครื่องหนึ่งที่เป็นเครื่องใหญ่ของทางโรงพยาบาล และอีกเครื่องหนึ่งที่เป็นเครื่องเล็กๆที่พ่อเพิ่งซื้อมาให้น้องไม่นานมานี้ แต่ปรากฏว่า ผลการวัดของสองเครื่องนี้กลับไม่ตรงกัน เครื่องนึงสูง เครื่องนึงต่ำ ทำให้เราไม่รู้จะเชื่อเครื่องไหน น้องลองย้ายนิ้วไปมา จนท้ายที่สุด ดึงตัววัดจากทั้งสองเครื่องมาวัดที่ตัวเองดู ผลที่ออกมาก็ใช้ได้ เพี้ยนกันนิดเดียว พอนำกลับไปวัดที่ตัวน้องสาว ผลก็ออกมาแปลกๆอีกแล้ว พอนานเข้า น้องๆ ทุกๆจึง คนให้เราจับที่หัวใจน้องดู เมื่อเรายื่นมือเข้าไปจับที่หัวใจน้อง ขณะที่มือของเราจับที่หัวใจของน้อง เราได้แต่ช๊อค เพราะไม่มีการสั่นใดๆ ทั้งสิ้นในบริเวณนั้น เพราะว่าปกติหัวใจน้องจะเต้นแรงมากๆ เราจึงได้แต่ฟูมฟายทรุดลงไปข้างเตียงพร้อมกับแพทย์เวรที่เข้ามาตรวจอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่าน้องจากไปเวลา 15:59 น. ณ เวลานั้นเวลาที่น้องจากพวกเราไปพร้อมกับการที่อุตส่าห์ฟันฝ่าต่อสู้มาอยู่นานถึงแปดเดือนกับสองวันได้จบลงโดยที่ทุกคนบอกเพียงแต่ว่าน้องไปสบายแล้ว ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป แต่ใครจะรู้บ้างว่าตลอดแปดเดือนที่ผ่านมาน้องอดทนกันฟันสู้กับการรักษาทุกอย่างจนมักจะพูดอยู่เสมอว่า “ถึงแม้แพทย์เก่ง ยาดี แต่การรักษานั้นทรมานเหลือเกิน” จนติดหูพวกเราทุกๆ คนว่าให้รักษาสุขภาพให้ดีที่สุด น้องอดทนมาตลอดเพื่อความหวังเพียงอย่างเดียวคือคำว่า “หาย” คำๆ นี้เกิดขึ้นกับคนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งนี้ยากเหลือเกิน จนเหมือนเป็น “ปาฏิหาริย์”

การที่น้องไม่ยอมใส่ท่อและร้องขอเพียงเพื่อกลับบ้าน...จนเวลาล่วงมาถึงป่านนี้แล้วไม่รู้ว่าน้องได้กลับบ้านกับพวกเรามาด้วยหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่น้องพูดเสมอมา คือ ถ้าน้องหายจากโรคนี้ได้ น้องจะอุทิศตนเพื่อคนที่เป็นโรคนี้ เพื่อเสนออีกแง่มุมมองหนึ่ง เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ เพื่อศึกษาให้เป็นประโยชน์กับคนที่ต้องการจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ว่าจะต้องปรึกษาแพทย์หลายๆ คนก่อนเริ่มการรักษา เพราะแพทย์เมืองไทยกลัวการหักหน้ากันโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนไข้

ตอนนี้ทุกๆ คนได้แต่หวังว่าน้องได้แวะเข้ามาเยี่ยมบ้านที่อยากกลับมาเหลือเกิน และหวังว่าน้องจะได้กลับไปรออยู่ที่บ้านหลังใหม่ที่สุขสบายไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว....เพื่อรอรับการพบหน้าทุกๆ คนในครอบครัวพร้อมกันที่นั่น...

ความคิดเห็น

ผมเสียใจด้วยครับ

อ่านแล้วเราเข้าใจความรู้สึกของคุณมาก เพราะแม่เราก่อนจากไปก็มีอาการเหมือนน้องสาวคุณ

คิดเสียว่าเค้าหมดกรรมแล้ว เหลือแต่พวกเราที่ต้องใช้กรรมต่อ

เดินหน้าต่อไปอย่าคิดมากนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอ

มาถึงวันนี้ ข้อมูลนี้มีประโยชน์อย่างสูง สำหรับผมหรือครอบครัวใครที่มีผู้ป่วยเป็นมะเร็ง จะได้เตรียมตัวเตรียมใจและจะทำอย่างไรให้คุณพ่อผมสบายตัวมากที่สุด ทรมานให้น้อยที่สุด และไม่ตกเป็นเหยื่อให้กับหมอแย่ๆที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ขอบคุณมากครับ และขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของน้องครับ

คุณพ่อผมเป็นมะเร็งปอดและลามเข้ากระดูก พ่อปวดมากสงสารพ่อมากอยู่ได้ด้วยมอร์ฟีนเพื่อระงับปวด

แม่ผมก็เป็นเหมือนกัน มะเร็งปอด เจอหมอแย่ๆ หมอห่วยๆ หมอที่ไม่สนใจคนไข้ เยอะ ตลอดการรักษา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถือว่าเป็นกรรมที่เราต้องมาเจอหมอแบบนี้

ก็ได้แต่หวังว่าจะมีหมอดีๆ มากกว่าหมอไม่ดี

ขอเเสดงความเสียใจด้วยครับ ผมก็เหมือนทุกๆคนที่กล่าวมานี้พ่อผมเป็นมะเร็งปอดระยะที่4 โดยที่ไม่ได้รักษาทางเเพทย์ปจุบันเพราะกลัวคีโมเพราะรู้ว่าสารเคมีชนิดนี้มีอันตรายจากผลข้างเคียงมาก ตอนนี้พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ หายใจไม่ออก น้ำในปอดมีอยู่ตลอดกลุ้มใจมาก พยายามที่จะไม่คิดมากเเต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้พ่อจะอยู่ได้นานขนาดไหน

ขอเเสดงความเสียใจด้วยครับ ผมก็เหมือนทุกๆคนที่กล่าวมานี้พ่อผมเป็นมะเร็งปอดระยะที่4 โดยที่ไม่ได้รักษาทางเเพทย์ปจุบันเพราะกลัวคีโมเพราะรู้ว่าสารเคมีชนิดนี้มีอันตรายจากผลข้างเคียงมาก ตอนนี้พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ หายใจไม่ออก น้ำในปอดมีอยู่ตลอดกลุ้มใจมาก พยายามที่จะไม่คิดมากเเต่ก็ทำไม่ได้ ไม่รู้พ่อจะอยู่ได้นานขนาดไหน

ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ หวังว่าน้องสาวของคุณจะได้รับรู้ว่าเรื่องราวของเธอมีคุณค่ามากๆสำหรับผู้ป่วยโรคนี้
ขอเป็นกำลังใจให้คุณและครอบครัวของคุณมีความสุขตลอดไปคะ

แสดงความคิดเห็น

Filtered HTML

  • To post pieces of code, surround them with <code>...</code> tags. For PHP code, you can use <?php ... ?>, which will also colour it based on syntax.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • You may quote other posts using [quote] tags.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <blockquote> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Comment Input

  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd> <p> <img> <center> <font> <u> <br/>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Lines and paragraphs break automatically.