3 ก.ย. 2551
วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551
Wednesday 3 September 2008
เช้านี้เรารีบตื่นมาโทรทางไกลไปที่อเมริกา เนื่องจากเวลาที่แตกต่างเราเกรงว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของแพทย์ทางนั้น อีกทั้งเราร้อนใจนอนไม่หลับอยู่แล้ว เพราะอยากให้น้องมีอาการที่ดีขึ้นเร็วๆ หลังจากที่แพทย์รับเอกสารรายละเอียดการตรวจร่างกายของน้องที่สำคัญและอีกหลายๆ อย่างประกอบ แพทย์ท่านก็บอกแผนการรักษาว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามครอบครัวของเราไม่มีสามารถไปขอให้แพทย์ที่นี่ให้ทำได้ดังใจ ดังนั้นแพทย์ท่านนี้ก็เลยถามให้เราเลือกมาอยู่สามโรงพยาบาลที่เขาสามารถแนะนำแพทย์ให้ได้ ซึ่งมีสองโรงพยาบาลรัฐและหนึ่งโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ชำนาญด้านมะเร็งที่พวกเราเคยไปมาแล้ว แพทย์ให้พวกเราจะเลือกว่าจะไปรักษาที่ไหน และท่านจะปรึกษาแพทย์ที่ท่านรู้จักให้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่ท่านก็ออกตัวทันทีว่า อย่างไรก็ตาม ท่านก็ไม่สามารถไปจูงจมูกแพทย์ที่ท่านรู้จักให้ทำตามท่านทุกอย่าง แต่ท่านจะพยายามช่วยหาแนวการรักษาให้ แพทย์คนนี้ไม่งกวิชาเลย รีบบอกการรักษาว่าควรจะเป็นอย่างไรให้ทันที ซึ่งเมื่อเราไปบอกน้องชายๆ ก็บอกว่า พวกนี้เป็นข้อมูลที่พวกน้องชายได้อ่านเจอบนเน็ทอยู่แล้ว แต่พวกน้องๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแพทย์คนเดิมของเราถึงรักษาคนละแนว รอให้ยาตอบสนองโดยที่ไม่ได้ใส่ตัวช่วยอะไรเข้าไปเลย และให้รออยู่นานจนมีอาการหนักๆ ทุกครั้ง
เมื่อเราปรึกษาคุณพ่อกันแล้ว พวกเราก็เลือกโรงพยาบาลเอกชนกัน เพราะว่าพวกเรากลัวขั้นตอนในการรอที่โรงพยาบาลรัฐ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว แพทย์คนนั้นก็รีบติดต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝากเรื่องการรักษาของน้องให้ทันที ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็รับปากว่าจะช่วยเหลือเต็มที่ จุดประสงค์หลักที่จะไปที่โรงพยาบาลนี้ก็เพื่อการฉายแสงแบบสามมิติเป็นหลัก และอาจจะมีการเติมยาเพื่อให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ผู้อำนวยการให้พยาบาลโทรมาแจ้งว่า ตอนนี้ผู้อำนวยการได้ฝากเรื่องนี้ไปให้แพทย์ที่เป็นหัวหน้าด้านการฉายแสงแล้ว แต่จะเอาเรื่องการรักษาของน้องเข้าไปคุยที่บอร์ดหรือที่ประชุม และทางแพทย์จะโทรมาแจ้งเกี่ยวกับการรักษาว่าจะเป็นลักษณะไหน ซึ่งเราจะได้รับโทรศัพท์ประมาณสามถึงสี่โมงเย็น
เราก็รอโทรศัพท์อยู่ด้วยความตื่นเต้นตลอดบ่าย แต่แล้วแพทย์ท่านก็โทรมาปฏิเสธการรักษา โดยที่มีแพทย์อยู่หลายคน รวมถึงแพทย์คีโมที่เคยไปปรึกษาอยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นเขาก็รับจะให้การรักษาน้อง แต่แล้ววันนี้กลับปฏิเสธได้อย่างง่ายดาย ซึ่งโชคดีที่เราไม่ได้คุยกับแพทย์เหล่านี้ขณะที่น้องอยู่ด้วย หลังจากนั้นเราก็ขอคุยกับแพทย์ต่อ ซึ่งแพทย์ก็โยนให้พยาบาลรับเรื่องแทน หลังจากที่คุยกับพยาบาลอยู่นาน ข้อความที่จับได้ง่ายๆ ก็คือ แพทย์คนปัจจุบันของน้องเป็นที่เกรงใจของแพทย์ในวงการ อาจจะเป็นการหักหน้ากันถ้าไปดึงการรักษากันมา พร้อมกับการรักษาของแพทย์ปัจจุบันนั้นเป็นการรักษาคนละแบบกับที่โรงพยาบาลนี้
การปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ เป็นไปได้หรือไม่ ว่าจะเป็นเพราะว่ากลัวการหักหน้ากันเองระหว่างหมอในวงการเดียวกัน? หรืออาจจะเพราะไม่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาให้หายได้? แต่ใครจะรู้ว่าความเจ็บปวดของคนไข้ที่อยู่ๆก็มีความหวังขึ้นมา แต่ก็ถูกปฏิเสธจากทางโรงพยาบาลว่าจะไม่ทำการรักษาให้นั้นจะเป็นเช่นไร ในเมื่อเราเป็นคนปกติยังรู้สึกกันได้ และคนป่วยที่ไม่ควรจะเครียดจะเป็นเช่นไร เราจึงต้องนึกถ้อยคำที่จะไปบอกน้อง เพื่อไม่ทำให้น้องต้องสะเทือนใจและเครียดมากขึ้นไปอีก แต่เรารู้สึกผิดหวังกับวงการแพทย์ของไทยเป็นอย่างมาก การเป็นแพทย์น่าจะเป็นเพราะว่าอยากจะสร้างบุญหรืออยากจะช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ แต่แพทย์เหล่านี้จะรู้ตัวหรือไม่ว่าพวกเขาได้ทำร้ายคนไข้ไปแล้วคนหนึ่ง และก่อนหน้าน้องสาวจะมีเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ หรือหลังจากนี้จะมีคนที่โดนเหมือนที่น้องสาวโดนอีกหรือไม่
เย็นวันนั้นเราก็รีบไปปรึกษาแพทย์หญิงทางด้านฉายแสงแถวบ้านทันที เพราะที่โรงพยาบาลของแพทย์ท่านนี้ก็มีเครื่องฉายแสงสามมิติเช่นเดียวกัน แต่แล้วคำตอบที่ได้รับมาก็เป็นคำตอบที่มีน้ำใจเช่นกัน คือ ถ้าเอาการรักษานี้ไปที่โรงพยาบาลรัฐนั้นก็น่าจะโดนปฏิเสธเหมือนกัน เพราะที่ประชุมจะต้องไม่ยอมให้ผ่าน การรักษาด้วยการฉายแสงสามมิตินี้จะต้องดูว่าคุ้มค่า และมั่นใจเต็มร้อยว่าคนไข้จะหาย ถึงจะใช้การรักษาแบบนี้ มิฉะนั้นจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลาและทำให้คนไข้อื่นไม่ได้รักษา ฟังๆ ดูแล้วนึกไปถึงตอนที่โกโบริจะตายเลย ไม่คุ้มที่จะฉีดยาช่วยไว้ สู้เอายาไปช่วยคนอื่นดีกว่า เราแทบจะนึกไม่ถึงเลยว่าในเหตุการณ์ปัจจุบันก็ยังเหมือนเหตุการณ์ในนิยายได้ เราเลยถามแพทย์ไปว่าสิทธิของคนไข้นั้นไม่มีเลยหรือ มีแต่สิทธิของแพทย์สำหรับวงการแพทย์ไทยเท่านั้นหรือ เราก็ยอมรับว่าเราผิดหวังที่ใครๆ ก็พูดเช่นนี้กับน้องสาวที่เรารักมาก เราก็ต้องสะเทือนใจพูดอะไรแรงๆ ไปอยู่แล้ว ถึงแม้เราจะเข้าใจว่าแพทย์หญิงนี้มีความตั้งใจดี ภายหลังแพทย์หญิงท่านนี้คงเห็นใจ เพราะจริงๆ แล้วพวกเราพี่น้องก็โตมาด้วยการรักษาที่คลินิกนี้ทั้งนั้น แพทย์หญิงเลยแนะนำให้พวกเราไปอีกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่แพทย์หญิงคนนี้ประจำอยู่ และท่านจะใช้สิทธิ์ของท่านทำให้น้องสาวโดยเฉพาะ แต่เป็นเพราะการฉายแสงที่โรงพยาบาลอีกที่เป็นการฉายแบบสองมิติที่น้องเคยโดนฉายมาแล้วสามครั้ง
คืนนั้นเราก็รีบโทรบอกแพทย์ที่อเมริกาทันที เราได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ท่านฟัง เมื่อเขาฟังเสร็จเขาก็งงๆ กับระบบของคนไทย เราจึงถามแพทย์ไปว่า ถ้าฉายแบบสองมิติได้หรือไม่ ซึ่งท่านคนนี้ก็ปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้ เพราะผลข้างเคียงนั้นมากเกินไปที่น้องจะรับได้ และสองมิตินี้แทบจะไม่มีใครใช้แล้วที่อเมริกา หลังจากนั้นท่านก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะลองปรึกษาแพทย์ที่เมืองไทยที่เกี่ยวข้องให้อีกครั้งว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ถึงยังไงแพทย์ท่านก็เห็นด้วยว่าควรจะพยายามช่วยคนไข้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แสดงความคิดเห็น