25 ส.ค. 2551
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Monday 25 August 2008
วันนี้น้องต้องรีบไปโรงพยาบาลรัฐเพื่อที่จะไปให้ยา ซึ่งพวกเราก็รู้ว่าขั้นตอนของทางโรงพยาบาลรัฐนั้นมากมายขนาดไหน เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เลขาของแพทย์ก็บอกให้พวกเรารอพบแพทย์ก่อน เมื่อได้พบแพทย์แล้ว ท่านก็ถามคำถามเดิม WBC, Monocyte และ Neutrophil ครั้งสุดท้ายเท่าไหร่ โชคดีที่เราจำได้ แต่ยังไงก็ตามผลเลือดที่บอกไปนั้นเป็นของวันที่ 19 สิงหาคม ซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นของหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ซึ่งปกติแพทย์มักจะบอกว่า ต้องตรวจภายในวันนั้นก่อนที่จะให้ยา แต่นี่แพทย์กลับใช้ตัวเลขของหนึ่งอาทิตย์ก่อน แล้วท่านก็บอกเพียงว่าให้ไปถามเลขาว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ และพรุ่งนี้ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนอีก
หลังจากนั้นเราก็เลยบอกเลขาของแพทย์ไปว่า ถ้าเราให้น้องไปนั่งรอ และเราไปจัดทุกอย่างแทนได้หรือไม่ เลขาของแพทย์บอกว่าได้ เราเลยให้น้องไปนั่งรอ และเราก็ต้องลงไปที่แผนกประชาสัมพันธ์เพื่อติดต่อ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก เราก็ไม่รู้อะไรมาก เมื่อไปถึงประชาสัมพันธ์เราก็ยื่นเอกสารให้และบอกเขาว่าอยากให้รับยาเป็นที่นี่ แต่แล้วพนักงานคนนี้เขาก็ยื่นให้คนใส่ข้อมูลลงไปโดยลืมบอกเขาว่าเราอยากให้ยาที่ตึกนี้เท่านั้น เรารอได้ประมาณเกือบยี่สิบนาที เขาก็บอกว่าเรียบร้อยให้มารับเอกสารไปได้ แต่เขาก็อธิบายว่าชำระเงินแล้วให้ไปให้ยาที่ตึกฉุกเฉิน เราไม่รู้หรอกว่าตึกที่ว่านี่อยู่ไหน แต่ยังไงก็ไม่ใช่ตึกที่เราต้องการแต่แรก เราเลยขอเขา ซึ่งพนักงานของเขาก็ปฏิเสธที่จะแก้ไขให้อย่างเด็ดขาด จนเราต้องขอพูดกับคนที่เป็นหัวหน้าว่าเรามีแจ้งความจำนงค์ตั้งแต่แรกแล้ว และหัวหน้าเขาก็ยอมแก้ไขให้ และบอกเราว่า ครั้งหน้าให้เน้นอีกทีเรื่องตึกที่จะให้ยา และให้เราไปที่ห้องการเงินต่อ เมื่อไปที่ห้องการเงินที่ไม่มีคนเข้ามาชำระเงินเลย เราก็เดินตรงเข้าไปที่ช่องจ่ายเงิน เขาก็บอกว่าต้องรอห้องยาใส่ราคาก่อน รอได้อีกประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ตัดสินใจขึ้นไปถามเขา ซึ่งเขาก็ตอบเพียงว่าห้องยายังไม่ได้ใส่ราคาให้เลย เราเลยถามเขาว่าต้องรออีกนานแค่ไหน เพราะว่าเราอยากจะให้ยาเร็วๆ ซึ่งเขาก็เลยแนะนำให้เอาใบเอกสารเดินไปที่ห้องรับยาที่อีกตึกเอง และไปถามเขาที่นั่น เราก็รีบรับเอกสารและวิ่งไปอีกตึกทันที เพราะว่าเราไม่อยากให้น้องต้องรอนานๆ เพราะน้องจะเหนื่อยมากขึ้นไปอีก
เมื่อไปถึงห้องรับยาก็ต้องรอเขาคิดราคาให้อีกประมาณสิบห้านาที หลังจากนั้นเราก็รีบนำเอกสารใบนั้นกลับไปที่ห้องการเงินที่ตึกเดิม และชำระเงินเสร็จ พนักงานก็บอกว่าให้ถือเอกสารใบนี้ขึ้นไปที่ห้องให้ยาได้เลย เราเลยรีบกลับขึ้นไปหาน้องและพาน้องไปให้ยาที่ห้องให้ยา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกซึ่งพยาบาลก็ค่อนข้างพูดจาดุๆ บอกให้เราไปรอด้านนอก แต่ยังไงครั้งนี้เป็นครั้งแรก เราก็เลยขอยืนดูเป็นเพื่อนน้องก่อน ซึ่งที่ห้องให้ยาที่นี่ไม่ได้มีเป็นเตียงนอน มีเพียงเก้าอี้ที่เอนนอนได้เรียงกันเป็นสิบๆ ตัว และมีทีวีอีกเครื่องไว้ให้คนไข้ไว้เอนหลังดูกัน ในห้องให้ยาก็มีห้องน้ำอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องน้ำรวม เราก็ยืนรอจนน้องเปิดเข็มและเริ่มให้ยาขวดแรกก่อน พยาบาลเกิดสงสัยว่าทำไมน้องต้องมีพี่เลี้ยงมายืนดูซะใกล้ขนาดนี้ พยาบาลเลยถามน้องว่าให้ยาคีโมเป็นครั้งแรกหรือ พวกเราเลยต้องบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรก แต่มาให้ที่โรงพยาบาลนี้เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นพยาบาลก็ดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี ด้วยการนำคู่มือการให้ยาคีโมมาให้น้องอ่าน และสอนวิธีปฏิบัติตัว เรียกว่าครั้งนี้โชคดี เพราะน้องให้ยาที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งที่นั่นยังไม่เคยมีพยาบาลคนไหนอธิบายรายละเอียดให้ฟังเท่านี้เลย หลังจากน้องเริ่มอยู่คนเดียวได้ เราก็ต้องออกมาจากห้องนั้น เพราะว่าเขาไม่ให้ญาติไปนั่งรอในห้องนั้น เราเลยต้องออกไปนั่งรอน้องอยู่หน้าห้อง รออยู่ประมาณชั่วโมงกว่า น้องก็ออกมาจากห้องคีโม พวกเราต้องโทรตามให้คุณแม่ที่ไปจอดรถรออยู่ที่อื่นที่ใกล้ๆ โรงพยาบาลมารับ
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบตรงกลับบ้าน เพราะกลัวว่าน้องจะเพลียเกินไป เมื่อถึงบ้านแล้วเราก็เลยรีบพาน้องไปพักผ่อน ซึ่งน้องก็ได้งีบอยู่สักพัก วันนี้น้องไม่ทานข้าวเลย ทานแค่ขนมปังกรอบสามชิ้น เพราะว่าน้องไม่อยากอาเจียนเหมือนที่เคยเป็น ดังนั้นน้องจึงหลีกเลี่ยงไม่ทานอะไรทั้งสิ้น และนั่งอยู่ในเตียงเพียงอย่างเดียว เพราะว่าน้องไม่อยากเหนื่อยและหิว แต่โดยรวมแล้ววันนี้น้องก็ยังดูไม่ทรุดโทรมเหมือนยาคีโมอีกตัว เราจึงเริ่มตั้งคำถามขึ้นมาในใจ “ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ยาคีโมตัวนี้จะตอบสนองได้ดีกับน้องหรือ” ซึ่งช่วงเย็นมาคุยกับน้องๆ ก็เริ่มสงสัยเหมือนเราเช่นกัน
ช่วงเย็นเพื่อนของน้องและญาติๆ ทุกๆ คนก็เข้ามาเยี่ยมปกติ หรือมากกว่าปกติเล็กน้อย เพราะทุกคนทราบและคอยติดตามการรักษาของน้องมาโดยตลอด ทุกคนจึงทราบความเป็นมาและเมื่อให้ยาชนิดใหม่ ทุกคนก็ให้ความสำคัญรีบเข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบกัน พอตกกลางคืนนอน น้องก็ไม่ได้ปวดไขสันหลังมากมาย หรือไม่ได้ร้อนไขสันหลังมากเหมือนยาคีโมอีกตัว หรือว่าน้องเริ่มชินกับอาการเหล่านั้นแล้วก็ได้ น้องก็นอนได้บ้าง พอตีสามถึงตีห้าน้องก็เริ่มตื่นอีก แต่น้องก็เริ่มชินกับอาการเหล่านี้แล้วเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น