14 ส.ค. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Thursday 14 August 2008
เนื่องจากโรงพยาบาลใหม่นี้อยู่ไกล พวกเราจึงไปก่อนเวลานัด พยาบาลที่นั่นก็ให้ความสะดวกสบายดี พวกเรารอพบแพทย์คีโมคนใหม่ที่นี่ ซึ่งท่านก็เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากระดับประเทศอีกเช่นกัน เพราะเพื่อนคุณแม่แนะนำให้ เพื่อนคุณแม่รักษากับแพทย์ท่านนี้อยู่ และเพื่อนคุณแม่ไม่เคยทรมานกับการให้คีโมที่โรงพยาบาลนี้เลย เพื่อนคุณแม่เลยอยากให้พวกเราลองเข้ามาคุยดู
หลังจากที่รอแพทย์สักพัก ก็ถึงคิวของน้องเข้าพบแพทย์ ท่านได้มีการสอบถามรายละเอียดทั้งหมด และท่านยังให้ความใส่ใจกับคนไข้เป็นอย่างดี พวกเรามีทำปฏิทินประกอบในการเล่าเรื่องราวการรักษาให้ท่านฟัง และน้องแค่บอกเล่าเรื่องทั้งหมดของน้องในการรักษาทั้งหมด และน้องจบลงด้วยว่าแพทย์ที่ดูแลอยู่บอกว่ายาเคมีที่ทานนั้นไม่ตอบสนองแล้ว จะต้องเปลี่ยนยาชุดใหม่ เพราะว่าที่ต่อมน้ำเหลืองของน้องเริ่มบวมขึ้นมาอีก แพทย์ท่านนี้ขอตรวจที่ต่อมน้ำเหลืองด้วยการจับทันที และท่านยังให้น้องขึ้นไปตรวจบนเตียงเพิ่ม หลังจากนั้นพวกเรายังเห็นท่านวาดรูปประกอบเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองของน้องลงไปในเวชระเบียนอีกด้วย ตรงจุดนี้สร้างความประทับใจให้เราอย่างมาก เพราะว่าแพทย์คนเดิมไม่เคยทำ และเคยจับดูต่อมน้ำเหลืองของน้องเพียงแค่ครั้งแรกหลังจากที่ได้รับยาคีโมแค่นั้น และเราไม่เคยเห็นแพทย์วาดรูปใส่ลงไปในเวชระเบียนของน้องที่นั่นเลย ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เข้าพบเราจะต้องเป็นคนตอบคำถามแพทย์คนเดิมว่าใส่ยาคีโมไปวันไหน นานแค่ไหนแล้ว ทานยาคีโมทานมากี่วันแล้ว
หลังจากที่ตรวจและพูดคุยแล้ว พวกเราถามแพทย์เกี่ยวกับการรักษาน้องว่าท่านคิดเห็นว่าเป็นอย่างไร และควรจะรักษาอย่างไรต่อ ประกอบกับการที่น้องรู้สึกว่าการทานยาคีโมตัวเดิมนั้น ทำให้ชีวิตของน้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น น้องเลยอยากจะทานยาตัวนี้ต่อ แต่แพทย์คนนี้ก็บอกเช่นเดียวกันกับแพทย์คีโมคนเดิมว่า ค่าใช้จ่ายที่จะเสียไปกับยาคีโมทานนั้น ควรจะเปลี่ยนไปเพิ่มยาอีกตัวหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาคีโมชุดใหม่ ถึงจะทานต่อก็ไม่ได้ช่วยในการรักษาแล้ว เพราะว่าเคยมีการศึกษาออกมาแล้วว่า ถึงแม้จะทานยาคีโมร่วมไปกับคีโมชุดใหม่ก็ไม่ได้ช่วยให้การรักษาดีขึ้นเลย
พวกเราเลยขอคำแนะนำจากแพทย์ว่าควรจะต้องทำอย่างไรก่อน ถ้าน้องจะมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ท่านก็บอกได้ทันทีว่าสามารถทำ CT Scan แล้วก็ตรวจร่างกายอื่นๆก่อนจะทำ เมื่อทางเราถามเรื่องการทำ PET Scan ไป ท่านก็บอกว่าทำได้ ซึ่งจะทำให้เหลือแค่การทำ PET Scan และการตรวจเช็คสมองด้วย MRI ซึ่งพวกเราต่างก็เห็นด้วยกับการไปสแกนที่สมองด้วย MRI และ ทำการสแกนทั้งร่างกายด้วยเครื่อง PET ก่อนการรักษาด้วยยาชุดใหม่ ซึ่งเราก็ขอนัดแพทย์ไว้และนัดทำการสแกนต่างๆ ทั้งหมด ภายในอาทิตย์เดียวกัน ถึงแม้เราจะกลับไปรักษากับแพทย์คนเดิม พวกเราก็อยากมีฐานข้อมูลที่แน่น มิใช่พอเกิดปัญหาอย่างเช่นน้ำท่วมเยื่อหุ้มหัวใจ แพทย์ก็แจ้งเพียงแต่ว่าอาจจะเพราะมะเร็งลามไปก่อนทำการรักษา หรือแม้ว่าผลการรักษาจะออกมาดูค่อนข้างดี แต่ยาคีโมอาจจะไม่สามารถทำการฆ่ามะเร็งบางส่วนของร่างกายได้ พวกเราฟังแล้วมันดูมีเหตุผลดี แต่ถ้าเราทำการตรวจสอบที่ค่อนข้างแน่นอนไว้แล้ว การวัดผลในครั้งต่อๆไปก็จะสามารถชี้ชัดได้ดีกว่านี้ ดีกว่าพูดแต่คำว่า "ผมว่ามันไม่จำเป็น" แล้วสุดท้าย การวัดผลที่ตามมา ก็ไม่มีอะไรมาวัดกันได้จริงๆว่าอาการดีขึ้นจริงหรือเปล่า
แพทย์มีถามต่อว่าตอนนั้นที่ให้ยาเคมีที่ชื่อว่า Gemza นั้นเป็นอย่างไรบ้าง พวกเราก็ตอบไปว่าตอนแรก ผลตอบสนองก็ดี เพราะเห็นได้จากฟิล์มเอกซเรย์น้องที่เห็นปอดชัดเจนขึ้น แต่เพราะว่าที่เยื่อหุ้มหัวใจน้ำท่วม จึงต้องหยุดยาคีโมตัวนั้นไป และเปลี่ยนมาเป็นยาทาน Tarceva แทน พวกเราเลยถามท่านไปว่า ถ้ามารักษาที่นี่ ท่านจะใช้ยาตัวไหน ท่านตอบทันทีว่า เคยให้ Gemza แล้วตอบสนองดี ท่านก็จะให้ยาตัวเดิม เพียงแต่จะเพิ่มอีกตัวเพื่อให้ประสิทธิภาพของยาคีโมดีขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ Avastin ซึ่งยาตัวนี้พวกเราเคยถามกับแพทย์คีโมคนแรกก่อนคีโมครั้งแรกด้วยซ้ำว่า แพทย์จะใช้ยาตัวนี้หรือไม่ เพราะน้องได้ข้อมูลมาว่ายา Avastin นั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพยาคีโมประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะน้องรู้มาว่ายาตัวนี้ห้ามใช้หลังจากมีการผ่าตัดมาใหม่ๆ ซึ่งแพทย์คนเดิมก็ให้เหตุผลเหมือนกันว่าให้ไม่ได้ เพราะเพิ่งมีการผ่าตัดมา ซึ่งแพทย์ท่านนี้ก็ให้เหตุผลเหมือนกันว่า ถ้าเพิ่มยาตัวนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งตรงกับข้อมูลที่น้องชายได้มา พวกเราก็เห็นด้วยกับการที่จะเพิ่มยาตัวนี้
เรื่องราวเกี่ยวกับการทำ PET Scan : จริงๆแล้ว ตั้งแต่จะเริ่มการรักษา ทางเราสอบถามแพทย์คีโมแล้วว่า ควรจะทำ PET Scan ไหม จะได้แน่ใจว่ามะเร็งลามไปที่ไหนบ้าง เพราะพวกเราต้องการรู้ให้แน่ชัด เนื่องจากมะเร็งอยู่ในขั้นลุกลามแล้ว ซึ่งทางแพทย์ก็บอกว่า "ผมว่ามันไม่จำเป็น เรามีผลตรวจอื่นๆแล้ว การทำ PET ก็ไม่ทำให้วิธีการรักษาของผมเปลี่ยนไป" ซึ่งในตอนนั้น เราเชื่อใจท่าน เพราะว่าเขาว่ากันว่าท่านเป็นแพทย์ฝีมือดี และการรักษาน่าจะเป็นไปได้ดี แต่เมื่อมารู้ว่ามะเร็งลามไปที่ฝั่งหัวใจ ซึ่งพวกเราไม่เคยรับรู้มาก่อน และจากคำอธิบายของแพทย์ ก็ทำให้เราคิดว่า ถ้าก่อนการรักษา พวกเราพาน้องไปทำ PET Scan แม้ว่าวิธีการรักษาจะไม่เปลี่ยนไปแน่ๆอย่างที่แพทย์ว่า แต่อย่างน้อยเราก็น่าจะรู้ว่ามีมะเร็งบริเวณนั้น แพทย์จะได้ระวังตรวจสอบมากขึ้น ถ้าวันที่รู้ว่าน้องมีอาการน้ำท่วมหัวใจ แพทย์ท่านยังไม่ได้กลับมาจากต่างประเทศ มาวันนี้ น้องอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็เป็นไปได้ เพราะแม้ว่าพวกเราจะได้ยินน้องบ่นว่าเขาทรมานอย่างนั้นอย่างนี้ พวกเราก็ได้แต่คิดว่า นั่นเป็นอาการข้างเคียงของโรคและการฉายแสง
แสดงความคิดเห็น