14 พ.ค. 2551

วันนี้พวกเราต้องไปที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านพระรามหกพวกเราจะเริ่มปรีกษาแผนการรักษาของน้องกับแพทย์คีโมในวันนี้ พวกเราเลยชวนกันไปหลายคน แต่จริงๆ แล้วเมื่อเริ่มพูดกัน แพทย์คีโมก็ให้พวกเราช่วยอธิบายเรื่องราวของการวินิจฉัยที่ผิดพลาดให้ฟัง เมื่อน้องสาวเล่าให้ฟังเสร็จ แพทย์คีโมกลับบอกอย่างหน้าตาเฉยว่า เมื่อครั้งที่แพทย์ทางปอดที่เป็นญาติมาฝากให้ช่วยดูแลเรื่องของน้องนั้น แพทย์คีโมเข้าใจว่าแพทย์ทางปอดที่เป็นญาติเห็นว่าคนไข้เป็นญาติเลยไม่กล้าที่จะรักษา ก็เลยฝากให้แพทย์ท่านอื่นดูแลแทน และแพทย์คีโมยังบอกน้องทันทีว่า “ผมว่าถึงจะรักษาตอนนั้นทันที หรือจะหลังจากนี้อีกซักเดือน ผมว่ามันไม่แตกต่าง” น้องสาวได้แต่ถามแพทย์คีโมว่า “ถ้าวันนั้นยอมรับยาวัณโรคกลับมาทานหกเดือนตามที่แพทย์ทางปอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้สั่งให้ทำ คิดว่ามันไม่สายเกินไปหรือ และคุณพ่อมักจะพูดเสมอว่า เมื่อถึงตอนนั้นคงไม่มีทางดึงให้น้องสาวกลับมาได้แล้ว” หลังจากนั้นแพทย์คีโมจึงนั่งเงียบ และไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอีก

จากนั้นแพทย์คีโมจึงเริ่มอธิบายว่าแผนการรักษาจะเพิ่มการฉายแสงเข้ามาช่วย หลังจากนั้นแพทย์ก็เปิดตำราให้พวกเราได้อ่านตามว่า แผนการรักษาในระยะของน้องที่อยู่ในระยะ 3B นั้น จะต้องเริ่มที่คีโมไปสองรอบและตามด้วยการฉายแสง และถ้าเป็นไปได้จะทำการฉายแสงพร้อมกับการคีโมไปพร้อมกัน และแพทย์คีโมก็หันไปสั่งให้พยาบาลนัดแพทย์ทางด้านฉายแสงของคลินิกแถวๆซอยอารีย์ให้ เนื่องจากทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านพระรามหกไม่มีเครื่องฉายแสง ซึ่งแพทย์คีโมบอกให้นัดวันที่ 19 พฤษภาคม ถ้ามีคำถามอะไรก็ให้รอถามแพทย์ทางด้านฉายแสง และพวกเราก็มีคำถามให้แพทย์คีโมทันทีว่า แพทย์เคยคุยกับพวกเราว่า หลังจากที่น้องรับยาได้ครบสองชุดแล้ว จะทำการตรวจเช็คดูว่ามีความก้าวหน้าจากการรักษาหรือไม่ แพทย์คีโมก็ตอบพวกเราว่า “ผมว่ามันไม่จำเป็น คุณก็เห็นจากผลการอ่านเอกซเรย์ ที่ว่า Much Clearing แล้วไง” พวกเราก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรต่อ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมแพทย์คีโมที่บอกพวกเราว่าการรักษาจะเป็นแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงกลับบอกว่าการวัดผลนั้นไม่จำเป็น พวกเราก็ถามแพทย์คีโมทันทีเกี่ยวกับการฉายแสงแบบสามมิติ แต่ท่านบอกให้พวกเราเก็บคำถามไว้ถามแพทย์ฉายแสงโดยตรง เพราะแพทย์คนนั้นน่าจะให้ข้อมูลได้มากกว่า

ภายหลัง พยาบาลมาแจ้งว่าตกลงวันนี้นัดแพทย์ทางด้านฉายแสงให้ในช่วงบ่ายได้แล้ว พวกเราจึงนั่งรอจนบ่ายเพื่อพบแพทย์ทางด้านฉายแสง เมื่อได้พบ ทางเรามีการสอบถามแพทย์ทางด้านฉายแสงว่า การฉายแสงแบบ 3 มิติจะดีกว่า 2 มิติหรือเปล่า ซึ่งท่านก็ตอบมาว่า มันไม่จำเป็น มันเหมาะสำหรับการฉายที่สมองเท่านั้น เพราะบริเวณนั้นเป็นจุดเล็กๆ และไม่ต้องการให้กระทบอวัยวะสำคัญอื่นๆ และท่านก็อธิบายให้ฟังว่าการที่น้องจะคีโมพร้อมกับการฉายแสงไปพร้อมกันจะทำให้เม็ดเลือดขาวถูกกดมากขึ้น ซึ่งท่านอยากจะให้รอครบตามรอบของคีโมก่อน ในระหว่างที่คุยกันนั้น ท่านก็มีการโทรพูดคุยกับแพทย์คีโมด้วย จึงสรุปได้ใจความว่าเนื่องจากแพทย์คีโมจะไปประชุมที่เมืองนอกในช่วงสิ้นเดือน และแพทย์ทางด้านฉายแสงก็จะต้องไปที่ไหนซักแห่งอีกอาทิตย์หลังจากนั้น นั่นหมายความว่ากว่าแพทย์ทั้งสองจะมาอยู่พร้อมหน้ากันก็วันที่ 10 มิถุนายน แพทย์ทางด้านฉายแสงจึงนัดให้ไปทำการฉายแสงในวันนั้น ซึ่งพวกเราได้แต่สงสัยว่าถ้านับกันตามรอบคีโมแล้ว น้องจะต้องรับการรักษาอีกทีคือวันที่ 27 พฤษภาคม แต่เนื่องจากแพทย์ทั้งสองไม่อยู่เลยบอกให้เลื่อนออกไป โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าเม็ดเลือดขาวของน้องจะไม่พร้อม และอาจจะไม่สะดวก แต่พวกเราก็ได้แต่เก็บไว้แล้วกลับมาสงสัยกันเองต่อ และพวกเราก็ยิงคำถามเดียวกันกับที่ถามแพทย์คีโมว่าทำไมถึงไม่ต้องรอวัดผลของการคีโมมาด้วยการทำคอมพิวเตอร์สแกน แพทย์ทางด้านฉายแสงก็ให้คำตอบว่าไม่จำเป็นเพราะว่าอย่างไรแพทย์ทางด้านฉายแสงก็ต้องฉายทุกส่วน โดยใช้ฟิล์มของคอมพิวเตอร์สแกนชุดแรกที่ตรวจเจอ พวกเราก็เลยกลับมานั่งคิดคำถามต่อว่าพวกเราควรจะถามอะไรเพิ่มเติม